วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกระหว่างทาง (๓) : คุยกับชริ หนอนขยัน


ด้วยความที่ข้าน้อยเป็นนักอยากเขียนฝึกหัด สิ่งที่ข้าน้อยต้องเอาใจใส่อยู่เสมอก็คือการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง แม้ไม่ถึงกับให้มันถูกต้องเหมือนพิมพ์ออกมาจากแม่พิมพ์ ตรงเป๊ะเป็นไม้บรรทัดเหล็ก เข้ารูปเข้ารอยกับไวยากรณ์ประหนึ่งผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็ควรจะให้มันถูกต้องเพื่อสกัดกั้นอาการอิดหนาระอาใจของคุณครูภาษาไทยที่เคยสอนข้าน้อยมา(หากท่านได้มีโอกาสอ่าน) สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้มาก นอกจากการ ‘อ่านมาก’ ก็คือการพกพจนานุกรมติดตัว




อาจจะเป็นเพราะว่าวันสองวันมานี้กรุงเทพฯบ้านเราฝนตก ข้าน้อยจึงว่าง ข้าน้อยคิดว่าเหตุผลที่ว่างนี้น่าจะใช่เพราะฝนตกใส่กรุงเทพฯแน่ๆ แต่ก็ไม่ยืนยันนะครับ ทีนี้พอข้าน้อยว่างแล้วก็เลยถือวิสาสะ ‘คัดลอก’ นิยายเรื่องนี้เก็บไว้ในเครื่องของตัวเอง (จะไม่ละเมิดลิขสิทธิ์แน่นอนจ้า อย่าเพิ่งทำหน้าบูด) ก่อนจะไล่อ่านมาเรื่อยๆตั้งแต่กลางเรื่องจนถึงบทที่ ๒๑ ขณะอ่านไปก็ให้นึกถึงแฟ้มต้นฉบับของผู้เขียน ข้าน้อยภาวนาให้ผู้เขียนซึ่งเป็นนักอยากเขียนเช่นเดียวกับข้าน้อยได้โปรดใจเย็นๆ ตั้งสติดีๆ เปิดพจนานุกรมดูคำผิดคำถูกให้แน่ใจ ดื่มนมเย็นๆสักแก้ว ส่องกระจกยิ้มให้ตัวเอง ยกแขนขวากำมือขึ้นชู “สู้โว้ย!” แล้วกลับมาเขียนต่อ



ข้าน้อยเคยตามอ่านตัวหนังสือของเพื่อนหนอนในเว็บนี้มาหลายท่าน ที่ติดตาตรึงใจและให้เกิดอาการโหยหาไม่ต่างกับโดนของก็มี พี่อานันท์ พี่พันธุ์ ทวดดิลล์ และพุ่มฮัก สามท่านแรกขณะแรกพบนั้นก็เฉยๆ แต่นานวันเข้าตัวหนังสือของพวกเขาก็เริ่มออกลาย สุดท้ายก็ต่างแยกย้ายกันไปคว้ารางวัลที่นั่นที่นี่ จะมีก็แต่พุ่มฮักคนเดียวที่ยังทำตัวน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย ตามประสามัน



ข้าน้อยยกไอ้พวกหนอนเก่าหน้าเหี่ยวพวกนี้มาพูดถึงให้เสียอารมณ์ทำไม? คำถามนี้ต้องตอบว่า ยกขึ้นมาเพื่อสกัดเอาสารอะไรสักอย่างที่พวกเขามี แล้วก็เอามาผสมเครื่องดื่ม เอาเถอะ! ข้าน้อยยินดีให้แม่ชริผสมกับนมโค หรือจะใช้นมถั่วเหลืองก็ได้ ส่วนของข้าน้อยจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องผสมกับวิสกี้ มันเป็นกฏธรรมชาติที่หากข้าน้อยไม่ปฏิบัติตามแล้วอาจจะถึงกาลอวสานแก่ชีวิตตน สารที่ว่านี้มันคงจะเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อนักอยากเขียนฝึกหัดอย่างเราเป็นแน่แท้ มิเช่นนั้นท่านเจ้าสำนักคงไม่เบ่งออกมาให้เห็นเป็นตัวอย่างสัปดาห์ละครั้งหรอก เอาชน!



พบความต่อเนื่องของภาษาในการเล่าเรื่อง หากเกลาให้สละสลวย คิดว่าคงจะแจ่มขึ้นกว่านี้นะครับ และเท่าที่ดูพล็อตแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี ฉากที่เด็กสลัมยืนทะเลาะโหวกเหวกกับน้ำนิ่งและกะปอม ทำให้ข้าน้อยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงบรรดาเด็กๆในภาพยนตร์เรื่อง City of God ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงแถบ ‘ริโอเดอจาเนโร’ (เขียนถูกป่าว?) เด็กที่นั่นทะเลาะกันดุ ทำปืนลั่นใส่กันโป้งป้างลั่นเมือง



แล้วฉากที่นายตำรวจแอบซุ่มยืนดูกะปอมซ้อมบาสฯ ก็ให้ความรู้สึกที่แสนจะสุขใจอย่างแปลกประหลาด




หมายเหตุ
จาก http://www.winbookclub.com/viewanswer.php?qid=19414

2 ความคิดเห็น:

DiN กล่าวว่า...

อืมม์..ลูกพี่จี๋จะหวาดจ๋มหัวหน้าขบวนการโจ๋
(ง่วงจะตายแระยังแหกตามาอ่าน)

นารินทร์ ทองดี กล่าวว่า...

ก็สีบอกยี่ห้อ อิๆ

แสดงความคิดเห็น