วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"จะประชันขันแข่งใครเขาได้ เมื่อไม่มีที่ถูกใจในงานฝัน"

"จะประชันขันแข่งใครเขาได้
เมื่อไม่มีที่ถูกใจในงานฝัน"



ทวดที่เคารพรัก

เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง ๑๐ วัน ฤดูกาลรับสมัครนางงามวรรณกรรมประจำปีนี้ของเวทีต่างก็จะหมดอายุลง ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจว่า ทำไมแต่ละเวทีจึงเจาะจงชักกระไดปิดประตูพร้อมกันในวันที่ ๓๐ นี้

แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เส้นทางเวรกรรมซึ่งผมได้สมัครใจเดินยังเหลือระยะทางอีกยาวไกล หากไม่มีเหตุอันใดให้ต้องจบชีวิตลงเสียก่อน ผมก็มั่นใจว่าตนเองจะมีความสามารถสร้างชิ้นงานให้เป็นรูปธรรมได้ เพื่อเผยแพร่ในพื้นที่เล็กๆที่เรียกว่าบรรณพิภพไทยแห่งนี้ ดังนั้น ผมจึงยอมรับสภาพการเขียนอันย่ำแย่ของตนได้พอสมควร แม้จะมีความเจ็บปวดเล็กๆซ่อนลึกอยู่ภายในก็ตาม

ไม่นานมานี้สหายชาวพิษณุโลกก็เพิ่งส่งข่าว เขาบอกว่าเขียนงานจบสมบูรณ์ทุกชิ้น แต่กระนั้นก็ยังใจเย็นพอที่จะ “ขอบาย” จากทุกเวทีของปีนี้ เหตุผลที่ให้มาก็น่าฟังไม่น้อย เขาบอกว่าอยากจะบ่มชิ้นงานไว้อีกสักปี เผื่อรสชาติจะดีขึ้น

ท่านเจ้าสำนักก็เคยแนะนำหนอนน้อยหนอนใหญ่ทั้งหลายในทำนองนี้หลายครั้ง ท่านว่าให้ยัดไว้ในลิ้นชักสัก ๖ เดือน แล้วค่อยเอากลับมาอ่านทวน วิธีนี้เหมาะกับเราชาวหนอนฝึกหัด ระยะเวลาครึ่งถึงหนึ่งปีน่าจะทำให้เรามองเห็นข้อเด่นข้อด้อยของงานเขียน ด้วยว่าช่วงที่เราเขียนจบใหม่ๆหมาดๆ คงจะรู้สึกเหมือนกันทุกคนนั่นแหละครับว่างานเขียนของเราช่างเจ๋งเป้งเหลือเกิน

สำหรับตัวผมเอง เห็นด้วยกับวิธีนี้อย่างที่สุด จำนวนเงินที่ผมโม้นักโม้หนาว่าจะซื้อไฮเนเก้นให้ท่านดื่ม ก็ได้มาด้วยวิธีนี้แหละครับ แต่ก็ใช่ว่าผลงานทุกชิ้นที่ผ่านการบ่มด้วยกาลเวลาจะดีขึ้นเสมอไป บางชิ้นผมบ่มไว้เฉยๆแต่ไม่ได้แก้ไขอะไรเพราะเห็นว่ามัน “ผ่าน” แล้ว แต่พอส่งไปให้บรรณาธิการพิจารณา ก็ยังอุตส่าห์ได้รับจดหมายขอบคุณตอบกลับมาให้หายคิดถึง

การตัดสินใจของสหายชาวพิษณุโลก ฉุกให้ผมได้ตระหนักถึงผลงานของตัวเองที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างลวกๆ บางชิ้นยังอยู่ในอากาศ และบางชิ้นแม้จะพอมองเห็นเป็นตัวอักษรบ้างแล้วแต่ก็รู้สึกว่ามันทุเรศเต็มทน จึงเกิดความละอายใจหากจะส่งไปให้รกเวทีเหล่านั้น

หากเมื่อใดงานเขียนของผมผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากใจของผมเอง และถึงกับจนปัญญาที่จะหาข้อตำหนิใดๆแล้ว เมื่อนั้นผมจึงจะส่งเข้าประกวดครับ

ทั้งนี้ มีวิธีเดียวที่ผมจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ ก็คือการเขียนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่ผมขาด แต่การได้มาทำบล็อกและเสวนากับท่านและเพื่อนหนอนบ่อยๆ ก็ช่วยให้เกิดความรู้สึกอยากเขียนได้มากขึ้น จึงหวังใจว่าความสม่ำเสมอจะเข้ามาสิงสู่มือของผม


เจริญอักขระยิ่งๆขึ้นไปนะครับ


เคารพรัก


นารินทร์ ทองดี

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

2 ความคิดเห็น:

ปารมิตา กล่าวว่า...

ว่ากันตามจริงแล้ว ก็มีเหมือนกันขอรับที่กระผมเองก็ชอบบ่มงาน บ่มมันเสียจนขึ้นราเหม็นอี๋กันไปเลยทีเดียว

เคยคิดจะลองส่งเหมือนกัน แต่พอเอากลับมาอ่านแต่ละที หาไอ้ที่มันแบบว่า หนักหน่วงพอที่จะเอาไปขึ้นสังเวียงกับเขาได้ เพราะงานส่วนใหญ่เขียนแบบสดๆ อารมณ์เสียเยอะ จึงไม่ค่อยมีมานั่งแต่งนั่นเติมนี่ทีหลัง เพราะพอจะมีงานที่ตั้งใจปรับๆแก้ๆ มันเลยกลายเป็น ชิ้นงานที่ถูกบ่มไว้เสียทุกที

บ่มจนได้ที่แล้ว ดมความเน่าเหม็นของตนเองต่อไป - เววกลัม

นารินทร์ ทองดี กล่าวว่า...

ฮา...

เพิ่งเคยเห็นว่างานที่บ่มไว้จะมีกลิ่นเหม็นเน่า แฮ่ๆๆ บังเอิญผมเป็นคนที่พอพูดถึงคำว่าบ่มแล้วมักจะนึกถึงเหล้า ยิ่งบ่มนาน ยิ่งหอมหวาน อร่อย...


แฮ่ม! กลัมเวลล์

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น