วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
"เรียนคุณไมเคิล ดิลล์"
เรียนคุณ ไมเคิล ดิลล์ ที่เคารพ
ก่อนอื่นใดทั้งมวล ผมคิดว่าผมควรจะกล่าวคำแนะนำตัวเองให้คุณได้รับทราบพอสังเขป ผมชื่อ ลีโอ พุ่ม เป็นอุปกรณ์ไฮโซเพียงหนึ่งเดียวของผู้ชายคนที่อยากเป็นนักเขียนแต่ขี้เกียจที่สุดในประเทศ เขาซื้อผมมาด้วยเงินจำนวนที่มากกว่าราคากางเกงในสามตัวร้อยของเขาหลายเท่าตัว นัยว่าเงินจำนวนมหาศาลที่เขาลงทุนไปนั้น คงจะช่วยให้เขาเป็นนักเขียนได้ง่ายขึ้น แต่ให้ดิ้นตายเถอะ หมอนี่โง่บัดซบ นักเขียนอะไรจะเป็นกันได้ง่ายดายถึงเพียงนั้นเล่า คุณว่าไหม
เขาค่อนข้างจะเงอะๆงะๆพอสมควร พูดให้ชัดเจนขึ้นมาหน่อยก็คงจะพูดได้ว่าเขาออกจะทึ่มเกินมนุษย์ยุคนี้ เขาน่าจะรู้ว่าผมไม่ใช่ควายที่จะทำได้แค่ไถนาและสละแผ่นหลังสกปรกให้นกเอี้ยงเกาะเล่น ผมเป็นอุปกรณ์ไฮโซที่ไม่ได้มีไว้แทนพิมพ์ดีด ความสามารถของผมถูกจำกัดลิมิตไว้สูงเกินกว่าที่เขาคาดถึง ด้วยเหตุนี้ เดือนแรกที่ผมย้ายตัวเองมาอยู่ในรังของเขา ผมก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองหนังสือข้างฟูกนอน ร้อนอบอ้าวและเลอะเทอะด้วยคราบฝุ่น หมดราศีอันสง่างามของอุปกรณ์ทันสมัยที่เขาภาคภูมิใจเป็นนักหนา เปล่าประโยชน์และน่าละอายใจเป็นที่สุด
เขาเริ่มลุบๆคลำๆผมหลังจากก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรขยุกขยิกลงบนกระดาษ แล้วเขาก็จับผมถ่างอ้าซ่า กดปุ่มพิมพ์เป็นข้าวตอกแตกโดยมีต้นฉบับลายมือโค-ต-รไก่เขี่ยวางอยู่ข้างๆ หมอนี่ทำงานหลายขั้นตอนเพื่อลดภาวะโลกร้อน ข้าวตอกแตกของเขาดังนาทีละสามถึงห้าครั้ง ขืนเปิดเครื่องแล้วเค้นสมองคิดคำเขียน โลกเราคงไหม้เพราะหมอนี่ผลาญไฟฟ้าพิมพ์ต้นฉบับ
วันนั้นผมจำได้ดีว่าเขาเขียนอะไร ข้อมูลยังประจุแน่นอยู่ในหน่วยความจำของผม จะเรียกมันว่าความอวดดีก็ได้ เรียกว่าความทะเยอทะยานก็ไม่ผิด บัดซบ เขาท้าผู้ชายคนหนึ่งที่น้ำเสียงคล้าย “พี่เบิร์ด” ให้มาเขียนนิยายแข่งกับเขา
ทันทีที่เขาแนบไฟล์ไปกับจดหมายอีเล็กทรอนิคส์แล้วกดส่งไปยังปลายทาง ผมก็ได้รู้ว่าคนที่ถูกเขาท้านั้นคือใคร และผลที่ตามมาก็คือ ผมได้รู้จักคุณ-ไมเคิล ดิลล์ นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอักขระลิขิตไว้ก็ได้ ใช่ไหมครับ?
และแล้วช่วงเวลาแห่งการกรำนิยายก็จบสิ้นลง จดหมายฉบับนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อแจ้งข่าวให้คุณได้รับทราบผลการเขียนของผู้ชายคนนี้ ผลที่ผมกำลังจะบอกก็คือ ไอ้หมอนี่จบเห่!
กำหนดเองว่าสองร้อยหน้า เขียนไปเขียนมาได้ไม่ถึงห้าสิบ เกลาทิ้งอีกพะเรอเกวียน คงเหลือไว้อวดชาวบ้านแค่สี่สิบกว่าๆ แต่การแข่งขันครั้งนี้ก็ก่อให้เกิดบางอย่างขึ้นกลางใจของเขา เขาได้รู้ว่าการเขียนท่ามกลางสภาวะกดดันนั้น ผลที่ออกมาน่าเกลียดเพียงใด และการฝืนเขียนด้วยสภาพโรยล้าจากงานประจำนั้น ผลที่ได้ไม่ต่างอะไรกับการเอาตัวอักษรมาวางเรียงกันอย่างสะเปะสะปะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เขาประสบ มีปรากฏการณ์เล็กๆที่เกิดแซมขึ้นมาท่ามกลางซากแห่งความล้มเหลวของการเขียนครั้งนี้ก็คือ เขาจับปากกาถนัดมือขึ้นกว่าเดิม
ด้วยความเคารพ
ลีโอ พุ่ม
ปล. เขาฝากบอกไปยังไอ้หนุ่มคนนั้น กะอีแค่ไฮเนเก้นหนึ่งลัง ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แต่ต้องดื่มด้วยกันนะ(ย้ำ)
(ภาพจาก zuxxix.com)
ป้ายกำกับ:
จดหมาย
7 ความคิดเห็น:
http://tuleedin.blogspot.com/2009/11/blog-post_7681.html
โอ..มีอ่านต่อแล้ว
แจ่ม!
ข้าพเจ้าขอ'นุญาตเอาไปแหมะบอร์ดสำนักนะ
ได้ไหม..?
ได้ไหม..?
เอาอะไรไปแหมะหรือครับ
ถ้าเอาจดหมายฉบับนี้ อย่าดีกว่าครับทวด อายเขา แหะๆ
อาทิตย์นี้ผมก็จะโพสต์ "ซิทคอมฯ" แล้วครับ ถึงคิวเร็วจัง
โอ๊ะโอ..
สายไปแล้วทั่น ทำไงดี!?
มือไวใจเร็ว
แหมะไปแย้วววว
ทนอายเอาหน่่อยละกัลล์นะทั่นนะ
โผล่วันอาทิตย์ล่ะดี ข้าพเจ้าจะได้ถือเอาวันอาทิตย์เขียนบางบอนฯ
คารวะ
บ่ายสวัสดิ์คุณนารินทร์
หม่ำข้าวเที่ยงยังคะ?
อากาศวิปริตแปรปรวน อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ
ดู archive แล้วท่านโพสท์เฉลี่ยเดือนละ 2 เอ็นทรี
หากมีใครคอยอ่าน
เจ้าคนนั้นมันจะต้องคิดจีบนุ่นศิรพันธุ์แน่..ผ่าสิ!
แสดงความคิดเห็น