วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"77 วันอันตราย"

ศิษย์ทวดที่เคารพรัก

ผมคาดไม่ถึงเลยว่า บาทาข้างซ้ายของตนจะเผลอพลาดไปย่ำเอาหัวใจดวงน้อยของท่านได้ เหตุการณ์ ณ อดีตกาลนั้น ผมจำเหตุผลของตนในครั้งนั้นได้แค่เพียงว่า ผมไม่ไหวแล้วจริงๆสำหรับเวลาที่เสียไปให้กับบล็อกบอร์ด การตรากตรำทำงานหนักทำให้ร่างกายผมอ่อนเพลีย กลับถึงบ้านก็อยากแต่จะเอาหัวทิ่มหมอน หลายอย่าง! ถ้าจะร่ายเรียงกันจริงๆก็ต้องพูดว่ามันเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง พูดไปพูดมาก็คงไม่พ้นการแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ก็ยอมรับว่าผมเองก็ขาดความลึกซึ้งบางประการ บ้านเล็กบ้านน้อยที่สร้างไว้ ผมคิดแต่เพียงว่าสร้างได้ก็ทิ้งได้ ไม่เห็นเป็นไร ลืมคิดไปถึงบางใครที่เฝ้าดูและเอาใจช่วยให้ผมก่อสร้างบ้านสำหรับเก็บผลงานเขียนของตนให้สมบูรณ์แบบ ผมก้าวเท้าขวาหนีออกมาก่อน แล้วเท้าซ้ายก็ก้าวตามมา หากเวลานั้นผมจะเอะใจสักนิด ก็น่าจะเห็นเศษหัวใจของใครบางคนติดฝ่าเท้ามาด้วย




คำขอโทษที่ถ้าผมจะพูดออกไป มันคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นนัก แต่ในฐานะที่เป็นศิษย์เหลนผู้เหลวไหล เคยเมาเข้าบ้านหนอนด้วยกันมา ก็ใคร่จะเขียนจดหมายกราบขอขมาแนบหลังบาทาทั้งสองข้างของท่านในวันนี้

ขอศิษย์ทวดได้โปรดให้อภัยในความไม่เอาไหนของผม ความเหลวไหล ความเกียจคร้านและอีกสารพัดความที่ล้วนแต่ส่งผลเชิงลบต่องานเขียน ผมไม่แน่ใจนักว่าจะสามารถตัดตอนไอ้ความไม่ดีเหล่านี้ได้หรือไม่ แต่ ณ ขณะที่เขียนอยู่นี้ หัวใจของผมล้นปรี่ด้วยกระแสธารแห่งความมุ่งมั่น แต่ก็สงบนิ่ง เยือกเย็น มิได้ไหลพล่านเหมือนตอนได้รับคำชมจากนักเขียนซีไรต์คนนั้น ว่าที่จริงก็อาจจะเป็นด้วยประสบการณ์อันน้อยนิด และวัยอันละอ่อน เกิดฟลุ๊คเขียนอะไรเข้าท่าขึ้นมาสักชิ้น นักเขียนท่านนั้นก็อุตส่าห์มาชมด้วยหวังดีและชี้แนะโดยความบริสุทธิ์แห่งใจ แล้วใครหน้าไหนบ้างเล่าที่จะไม่ลิงโลด นี่ถ้าผมเป็นคนที่รู้จักวิเคราะห์ตัวเองสักนิด คงจะตีแตกถึงถ้อยคำที่ท่านผู้นั้นชี้แนะตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงได้ขอให้ศิษย์ทวดจงให้อภัย ทั้งต่อความไม่เอาไหน ความเหลวไหล ความเกียจคร้าน และความโง่ที่ผมมีมาตั้งแต่เกิด

ดอกไม้ระหว่างทางที่ผมบังเอิญเดินไปพบ ก็ต้องสารภาพว่ามันเป็นดอกไม้ที่สวยงาม มันไม่มีสีที่ชัดเจนนัก จะว่ามันเหมือนดอกกุหลาบแห่งรักแรกก็ได้ จะว่ามันขาวสะอาดบริสุทธิ์เหมือนดอกมะลิก็ได้ หรืองามงอนอรชรอ้อนแอ้นและบอบบางเหมือนกล้วยไม้ก็ได้ มันทำให้คนที่เพิ่งค้นพบยิ้มไม่หุบถึง 3 วันเต็มๆ กลิ่นนั้นหรือก็หอมเย็นชื่นใจ เกสรน้ำหวานข้างในก็ไม่ต่างจากรสสุคนธ์แห่งสรวงสวรรค์ ผมคุกเข่าก้มลงเสพน้ำหวานจนก้นโด่ แต่ก็รู้แน่แก่ใจอยู่แล้วว่า หากท่านได้ทราบข่าว คงจะรีบวิ่งแจ้นมาจากด้านหลัง ถลกชายโสร่งถีบก้นผมจนหัวคะมำ แต่เสียใจ! เสียใจจริงๆที่ผมไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้ ผมลุกขึ้นยืนแล้วตอนที่ท่านเพิ่งกระหืดกระหอบมาถึง ผมมองไปข้างหน้า แม้จะยังไม่ชัดเจนนักว่าจะก้าวไปยังไงต่อ แต่จดหมายท้ารบที่ผมมัดติดดอกธนูก็พอจะบอกได้ว่า นั่นควรจะเป็นทิศทางที่ผมจะต้องเดินไปก่อนเป็นลำดับแรก


ไม่ต่ำกว่าหน้า200หน้ากระดาษ A4 ขนาดตัวอักษร 16 แบบอักษร Cordia จะเรียงส้ายล่าย หลังจากเที่ยงคืนวันที่ 31 ตุลาคม นับจากวันนี้ (17 ส.ค. ) ผมเหลือเวลาอีก 77 วัน เป็น 77 วันอันตรายที่จะชี้วัดว่า ผมจะมีวินัยต่อการกระทำในสิ่งที่ตัวเองรักสักขนาดไหน อันที่จริงผมควรจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ แต่มันเหมือนยังมีอะไรบางอย่างติดค้างคาใจอยู่ จดหมายฉบับนี้น่าจะใช่สิ่งนั้น แม้ฝีมือการชกจะห่วยแตกสักเพียงใดก็ตาม ผมขอไหว้ครูด้วยท่วงท่าลีลาอันงดงามสัก 2-3 หน้ากระดาษก่อนก็แล้วกัน

แล้วยังจะอะไรที่เขียวๆติดปลายนวมนั่นอีก ยวนใจไม่ใช่หยอกนะนั่น

เมื่อได้เขียนกราบขอขมาแทบเท้าแล้ว และได้ทำความตกลงกติกาการรบเป็นที่เข้าใจแล้ว ลำดับต่อมาที่ผมอยากจะเขียน ก็คือขอบคุณศิษย์ทวดที่กรุณาแนะนำวิธีตอกตะปูฝาบ้านและวิธีเรียงแผ่นกระดานให้สวยงาม คำอธิบายที่ท่านสู้อุตส่าห์บรรยายมา ผมต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะ get ผมไปดาวน์โหลดฝาบ้านเก็บไว้ในเครื่อง แล้วทำโน่นทำนี่กับมันสารพัดตามวิธีที่ท่านบอก แต่พอกด อัปโหลดขึ้นประกอบเป็นฝาผนัง มันก็พังครืนทุกครั้งไป มันบอกว่าเราตอกตะปูผิดรู หรือเพราะปัญหาห่าเหวอะไรของมันก็ไม่รู้ วันนี้ผมฉวยฆ้อนได้ก็ฟาดมั่วไปหมด มันดันสำเร็จจนผมเองก็งง สารภาพว่าผมลืมไปหมดแล้วว่าผม “คลิก” ตรงไหนบ้าง (ฮา)

บ้านหลังนี้คืนบ้านหลังสุดท้ายที่ผมจะอยู่ หรือถ้าหากจะมีเหตุการณ์อะไรให้ต้องย้ายสำมะโนครัว ไปอยู่เขตอื่น ชื่อบ้านก็จะยังคงเดิม จุดประสงค์ของการก่อสร้างก็จะยังคงเดิม คือเก็บตัวหนังสือของตนเอง และจะวางแคร่ไว้เสวนากับมิ่งมิตรที่จะมาเยือน แต่ด้วยขณะนี้ยังอยู่ในช่วงอันเดอร์ คอนสตรัคชั่น ผมเกรงว่ามวลมิตรจะซุ่มซ่ามเหยียบตะปูบาดเจ็บเป็นบาดทะยัก จึงยังไม่ได้แจ้งให้ใครทราบ มีเพียงท่านคนเดียวเท่านั้นที่มุดแนวรั้วสังกะสีเข้ามาโดยพลการ แต่เห็นว่าเป็นคนที่รู้จักมักจี่กันมาก่อน ก็เลยยัดเยียดตำแหน่งที่ปรึกษาสถาปนิกเสียเลย การก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อไหร่ จะเรียนเชิญท่านย่ามาเป่าน้ำหมากรดโคนเสา เรียนเชิญแม่พระพายมาร้องเพลง และเรียนเชิญมวลมิตรทั้งหลายมากินตับหวานกันให้พุงกาง

คงต้องจบจดหมายฉบับนี้เพียงเท่านี้ก่อน เวลาขณะนี้กำลังจะเคลื่อนข้ามเข้าสู่วันที่ 18 สิงหาคม แล้ว ช่วงนี้เวลาของผมทุกวินาทีมีค่าเป็นตัวอักษร แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการนอนหลับให้เพียงพอเพื่อจะได้มีแรงรบ

เจริญอักขระยิ่งๆขึ้นนะขอรับ

ศิษย์ผู้เหลน

17 สิงหาคม 2552

23.12 น.